วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ศาลอาญาอิรักสูงสุด

ศาลอาญาอิรักสูงสุด

ศาลอาญาอิรักสูงสุด (เดิมชื่อ ศาลพิเศษอิรัก[1]) เป็นหน่วยงานจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายแห่งชาติอิรักเพื่อพิจารณาบุคคลหรือพลเมืองสัญชาติอิรักที่ถูกกล่าวหาว่า ก่อพันธุฆาต อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม หรืออาชญากรรมร้ายแรงอื่นระหว่าง ค.ศ. 1968 และ 2003 ศาลฯ จัดการพิจารณาซัดดัม ฮุสเซนและสมาชิกคนอื่นของรัฐบาลพรรคบาธ
ศาลฯ จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติเฉพาะที่ออกภายใต้คณะบริหารประเทศชั่วคราวและ ปัจจุบันยืนยันใหม่ภายใต้เขตอำนาจของรัฐบาลชั่วคราวอิรัก ใน ค.ศ. 2005 ศาลฯ ถูกเปลี่ยนชื่อหลังรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า "การจัดตั้งศาลพิเศษหรือวิสามัญนั้น จะกระทำมิได้"[2] กฎหมายบริหารชั่วคราวซึ่งประกาศใช้โดยสภาปกครองอิรักก่อนการฟื้นฟูอธิปไตยรักษาและสืบสานรัฐบัญญัติศาลพิเศษอิรักให้มีผลบังคับต่อไป
ศาลฯ รับผิดชอบต่อการพิจารณาซัดดัม ฮุสเซน, อาลี ฮัสซัน อัล-มาจิด, อดีตรองประธานาธิบดี ฏอฮา ยาซีน รอมาฎอน, อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฏอริก อะสีส และอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นในรัฐบาลพรรคบาธที่ถูกล้ม

เขตอำนาจศาล

ศาลฯ มีเขตอำนาจเหนือบุคคลผู้มีสัญชาติหรือผู้อยู่อาศัยในอิรักที่ถูกกล่าวหาด้วยอาชญากรรมดังข้างล่างนี้[3][4]
  • พันธุฆาต
  • อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
  • อาชญากรรมสงคราม
  • การบงการตุลาการ
  • การผลาญทรัพยากรของชาติ
  • การใช้กำลังติดอาวุธต่อประเทศอาหรับ
อาชญากรรมเหล่านี้ต้องกระทำ
  • หลังรัฐประหารโดยอะหมัด ฮาซัน อัลบักร์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1968
  • ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งหลังการรุกรานอิรักอันทำให้การปกครองของซัดดัม ฮุสเซนถึงคราวสิ้นสุด

    สิทธิของผู้ถูกกล่าวหา

    สิทธิของผู้ถูกกล่าวหาระบุไว้ในระเบียบของศาลและรวมถึงการสันนิษฐานว่า บริสุทธิ์ ความเสมอภาคต่อหน้าศาล การพิจารณาสาธารณะโดยปราศจากความล่าช้าอันไม่สมควร การแต่งตั้งทนายความโดยเลือกเอง การเรียกพยานและสิทธิที่จะไม่ให้การ

    โทษ

    ศาลฯ ต้องกำหนดโทษตามกฎหมายอิรักที่มีอยู่เดิม ซึ่งรวมโทษประหารชีวิตด้วย สำหรับอาชญากรรม เช่น อาชญากรรมต่อมนุษยชาติซึ่งไม่มีบทบัญญัติคล้ายกันในกฎหมายอิรัก ระเบียบว่า แผนกพิจารณาคดีควรรับน้ำหนักของการกระทำผิดและการตัดสินที่ออกโดยศาลอาญา ระหว่างประเทศไปพิจารณา

    การพิจารณาซัดดัม ฮุสเซน

    ดูบทความหลักที่ การพิจารณาซัดดัม ฮุสเซน
    ตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2005 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 ศาลฯ ได้พิจารณาแปดคนที่ถูกกล่าวหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในการสังหารหมู่มุสลิมชี อะฮ์ 148 คนในดูเญล จำเลยมี
  • ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีอิรัก
  • บาร์แซน อิบราฮิม อัล-ตีกริติ น้องร่วมมารดาของซัดดัมและอดีตหัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง
  • ทาฮา ยาสซิน รามาดัน อดีตรองประธานาธิบดี
  • อะวัด ฮาเหม็ด อัล-บันดาร์ อัล-ซาดุน อดีตหัวหน้าผู้พิพากษา
ในการฟ้องกล่าวหาซัดดัม ฮุสเซนแต่แรก เขายังถูกกล่าวหาว่า
  • สังหารบุคคลในศาสนาใน ค.ศ. 1974
  • เหตุโจมตีแก๊สพิษฮาลับจา
  • สังหารชาวเคิร์ดใน ค.ศ. 1983
  • สังหารสมาชิกพรรคการเมือง
  • โยกย้ายถิ่นฐานชาวเคิร์ดในกลางคริสต์ทศวรรษ 1980
  • ปราบปรามการลุกฮือของชาวเคิร์ดและชีอะฮ์ใน ค.ศ. 1991 และ
  • การรุกรานคูเวต
วันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 ซัดดัม ฮุสเซนถูกพบว่ามีความผิดจริงทุกข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ดู เญล และถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ เขาได้รับสิทธิอุทธรณ์อัตโนมัติ อย่างไรก็ดี การอุทธรณ์นั้นถูกปฏิเสธ และยืนโทษผิดจริงนั้น มีคำสั่งให้ประหารชีวิตเขาภายใน 30 วัน และเขาถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 2006

ข้อโต้เถียง

กลุ่มกฎหมายอื่นและสหประชาชาติประท้วงว่า ซัดดัม ฮุสเซนควรถูกนำตัวขึ้นศาลสหประชาชาติ คล้ายกับศาลอาญาระหว่างประเทศในรวันดาในอารูชา ประเทศแทนซาเนีย หลายคนว่า ซัดดัมควรถูกนำตัวขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ บางคนวิจารณ์ว่า สหรัฐอเมริกามีบทบาทมากเกินไปในการก่อตั้ง จัดหารเงินทุนและการปฏิบัติการของศาลฯ[5]
อย่างไรก็ดี หลักการทั่วไปของกฎหมายระหว่างประเทศ คือ อิงขีดความสามารถศาลแห่งชาติภายในประเทศก่อนหันไปจัดตั้งศาลระหว่างประเทศ อย่างวิสามัญ ชาวอิรักมากขึ้นมองศาลฯ ว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและอธิปไตยเช่นกัน ด้วยมุมมองว่า พวกเขาสามารถปกครองและตัดสินตัวเองได้ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศเห็นว่า ซัดดัมควรถูกพิจารณานอกประเทศเพราะเป็นที่เชื่อกันว่า เขาจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างยุติธรรมภายใต้ผู้พิพากษาไร้ประสบการณ์ที่ เป็นศัตรูอันยาวนานของซัดดัมและรัฐบาลเขา หลังการริเริ่มโทษประหารชีวิตใหม่ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2004 นายกรัฐมนตรีชั่วคราวอิรัก อิยาด อัลลาวี ให้การรับรองว่าเขาจะไม่แทรกแซงการพิจารณาและจะยอมรับคำตัดสินใด ๆ ของศาล แม้บางความเห็นของเขาทำให้ตีความผิด "ในกรณีการประหารชีวิต เป็นเรื่องของศาลที่จะตัดสิน ตราบใดที่การตัดสินนั้นบรรลุโดยปราศจากอคติและยุติธรรม"[6]

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น